ความเป็นมา
แรงบันดาลใจ
เมื่อประมาณยี่สิบกว่าปีก่อน ในขณะที่คุณณัททชา สติวรรธน์ ประธานมูลนิธิศานติ์ศุข คนปัจจุบัน ศึกษาอยู่ในระดับปริญญาโทที่มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ เธอได้เห็นภาพข่าวพระราชกรณียกิจในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวซึ่งพระองค์ยังคงต้องทรงงานหนักมากมายเหลือเกินในช่วงพระชนมายุเกือบ 70 พรรษา พระองค์ทรงเสด็จไปในถิ่นทุรกันดารทุกแห่งหน เธอเห็นแล้วก็รู้สึกเศร้าใจอย่างยิ่ง รู้สึกว่าในหลวงท่านทรงเป็นถึงพระเจ้าแผ่นดิน แต่ต้องทรงลำบากกายลำบากใจเพื่อประชาชนทั้งประเทศ เธอจึงประสงค์ที่จะทำอะไรเพื่อแบ่งเบาภาระของพระองค์ท่านบ้าง เธอมีความฝันตลอดมาว่า อยากจะใช้ความรู้ความสามารถของตนให้เป็นประโยชน์ต่อประเทศชาติ จึงมีความตั้งใจว่าต้องช่วยเหลือเด็กยากจนให้มีโอกาสเข้าถึงการศึกษาในระดับที่ทัดเทียมกับนานาอารยประเทศ เพราะพวกเขานี่แหละที่จะสามารถร่วมกันพัฒนาประเทศชาติต่อไปได้อย่างยั่งยืน

ทำไมการศึกษาที่จัดโดยมูลนิธิศานติ์ศุขจึงเป็นแบบ Bi-Lingual / English Program
คุณณัททชา มีบุตรชายซึ่งเข้าเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 ในโรงเรียนนานาชาติเล็กๆ แห่งหนึ่ง เพียงหนึ่งสัปดาห์ผ่านไป บุตรชายของเธอก็สามารถสื่อสารเป็นภาษาอังกฤษได้ในระดับที่น่าทึ่งมาก ทั้งที่เขาเรียนโรงเรียนอนุบาลในต่างจังหวัดมาก่อนหน้านั้น และเมื่อบุตรชายของเธอเรียนวิชาประวัติศาสตร์อเมริกาในชั้นมัธยม ครูชาวอเมริกันได้มอบหมายให้นักเรียนอ่านหนังสือนอกเวลาเล่มหนึ่งเพื่อมาวิเคราะห์กันในชั้นเรียนว่าตัวละครใด หมายถึงชนกลุ่มใดในประวัติศาสตร์อเมริกาในยุคสมัยที่หนังสือเล่มนั้นถูกเขียนขึ้น แม้จะเป็นการเรียนวิชาประวัติศาสตร์ ครูไม่เคยอ่านหนังสือแบบเรียนเพื่อให้นักเรียนขีดเส้นใต้ตาม แล้วไปท่องจำมาเพื่อจะได้ทำข้อสอบได้ ประเทศไทยมีโรงเรียนนานาชาติมากมายที่สามารถทำให้เด็กนักเรียนสามารถพูดภาษาอังกฤษได้ดี และมีวิธีการสอนให้เด็กเก่งและฉลาดแบบไม่ท่องจำ ซึ่งถือเป็นทักษะพื้นฐานที่สำคัญยิ่ง ที่จะนำพาประเทศไทยให้เจริญทัดเทียมประเทศต่างๆ ได้ แต่นักเรียนต้องมาจากครอบครัวที่มีฐานะดีเท่านั้นจึงจะมีโอกาสเข้าเรียนโรงเรียนนานาชาติได้
ในที่สุดคุณณัททชาก็ได้ค้นพบคำตอบที่จะช่วยให้เด็กยากจนมีโอกาสที่จะพัฒนาทักษะการคิดวิเคราะห์และทักษะภาษาอังกฤษ ด้วยการนำระบบการเรียนการสอนของโรงเรียนนานาชาติ เข้าไปสู่โรงเรียนต่างๆ ที่มีนักเรียนส่วนใหญ่ยากจน โดยเกือบทุกวิชาจะถูกสอนเป็นภาษาอังกฤษโดยคณาจารย์ชาวตะวันตกที่เปี่ยมประสบการณ์ ส่วนวิชาที่กำหนดโดยกระทรวงศึกษาธิการให้สอนเป็นภาษาไทยก็จะถูกสอนโดยครูประจำโรงเรียน ดังนั้นการศึกษาที่จัดโดยมูลนิธิศานติ์ศุข จึงเป็นการเรียนการสอนแบบ Bi-Lingual / English Program
ทำไมนักเรียนในโครงการของมูลนิธิศานติ์ศุขต้อง “ดูจิต”
การอบรมคุณธรรม จริยธรรมเพื่อให้เด็กๆ เติบโตเป็นคนดีในสังคมโลกและมีความสุขสงบจากภายใน มีความสำคัญมาก โดยท่านผู้ร่วมก่อตั้งมูลนิธิศานติ์ศุขหลายท่านเป็นผู้ปฏิบัติธรรมด้วยวิธีดูจิต และมีประสบการณ์กับการฝึกฝนเยาวชนให้ดูจิต ซึ่งได้เห็นว่าบุคคลที่ฝึกดูจิตตั้งแต่เยาว์วัยล้วนเติบโตขึ้นเป็นผู้มีวุฒิภาวะทางอารมณ์สูง มีความสุขสงบ และมีสติสัมปชัญญะในการดำเนินชีวิต การฝึกดูจิตเป็นเวลาสามนาทีก่อนเริ่มเรียนแต่ละวิชาจะทำให้เด็กๆ เกิดความชำนาญ และทำจนเป็นธรรมชาติไปได้ตลอดวัน
โครงการนี้สามารถเปลี่ยนประเทศไทยได้ แต่ใหญ่มากสำหรับคุณณัททชาที่จะเริ่มทำโดยลำพังคนเดียว หลายครั้งที่เธอรู้สึกท้อ แต่ในที่สุดเธอก็สามารถรวบรวมผู้ที่มีอุดมการณ์เดียวกันจากหลากหลายสาขาอาชีพ จนทำให้เกิด “มูลนิธิศานติ์ศุข” ขึ้น และเราเชื่อว่ายังมีพวกท่านอีกมากมายที่ปรารถนาจะร่วมมือกับเราในการผลักดันให้โครงการนี้สำเร็จลุล่วงไปได้ เพื่อประเทศไทยอันเป็นที่รักของเราทุกคน
คุณสามารถช่วยเราได้ด้วยการบริจาค หรืออาสาสมัคร โปรดติดต่อเราวันนี้เลยนะคะ